Text-Symbol 40

ประโยคสัญลักษณ์ (Text-Symbol) โดย โรงน้ำชา (22-2-2558)
ประโยคสัญลักษณ์ที่ 40 – จุดสุดยอด

     เขากวาดตามองไปรอบด้าน แล้วค่อยๆ หรี่หลุบเปลือกตา
ทั้งสองข้างลงหลับพริ้ม รอยยิ้มระบายพรมพรายไปบนใบหน้า
ที่บ่งบอกว่าผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
     หนุ่มใหญ่เชิดหน้า ใช้จมูกสูดลากอากาศฉ่ำยาวเข้าไป
จนสุดปอด แล้วลืมตาที่เปี่ยมไปด้วยประกายใสจ้าขึ้นมา
อย่างแช่มชื่น
     เขาใช้ความเข้มแข็ง มุ่งมั่น บากบั่น และใช้ความอดทน
จนถึงขีดสุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะสามารถทานทนได้
รวมทั้งระยะเวลาที่ยาวนานกว่าจะตะเกียกตะกายป่ายปีน
ขึ้นมาถึงยอดเขาลูกนี้
     ยอดเขาที่เขาตั้งใจว่าจะมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่นี่
จนตัวตาย!
     …
     นานกว่า 3 ปีที่เขาเตรียมตัวและมุ่งตรงขึ้นสู่ยอดเขา
ลูกนี้ด้วยความเด็ดเดี่ยวและไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
จุดหมายมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือการพิชิตยอดเขา
และอาศัยอยู่บนนั้นอย่างมีความสุขตลอดไป
     ทุกวันของการเดินทาง เขาเดิน ปีน ไต่ ตลอดเวลา
สายตาเพ่งมองจับจ้องไปยังยอดเขาที่หมายมุ่ง
และจะหยุดการตรงดิ่งขึ้นสู่ยอดเขาเฉพาะเพียงเวลา
ที่ต้องกินอาหารและนอนหลับพักผ่อนในตอนกลางคืนเท่านั้น
     แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาดีแค่ไหน แต่ความตั้งใจ
ของเขาก็ถูกทดสอบท้าทายด้วยหนทางอันยาวไกล
และยากลำบาก ยิ่งนานวันร่างกายยิ่งทรุดโทรม
ใบหน้ากร้านเกรียมเต็มไปด้วยริ้วรอยตามระยะทาง
และวันเวลาที่ล่วงผ่านไป ผมเผ้าหนวดเครายาวรกรุงรัง
แต่เขาก็ไม่ได้ยี่หระสนใจมันเท่าไหร่นัก ตั้งปณิธานไว้ว่า
ถึงยอดเขาเมื่อไหร่ค่อยจัดการกับตัวเอง ช่วงระยะเวลานั้น
อะไรก็ไม่สำคัญสำหรับเขาเท่ากับการเร่งรุดไปสู่ยอดเขา
ให้เร็วที่สุด!
     สองตาจับจ้องไปยังยอดเขา สองเท้าสับสาวอย่าง
กร้าวแกร่ง เรี่ยวแรงในกายมีเท่าไหร่ถูกรีดออกมารับใช้
ความมุ่งมั่นตั้งใจในครั้งนี้อย่างพลีชีวิต!
     แล้วความพยายามที่แลกมาด้วยชีวิตก็ได้รับผลตอบแทน
ที่คุ้มค่า!
     เขาดั้นด้นขึ้นมาถึงยอดเขา จุดที่สูงที่สุด ทัศนียภาพ
รอบกายงามวิจิตรหมดจดอย่างที่ใครก็จินตนาการไปไม่ถึง
อากาศสดชื่นบริสุทธิ์กว่าพื้นที่ใดในโลก แหล่งน้ำแร่สะอาด
จากธรรมชาติก็มีพร้อม แหล่งอาหารก็มีอุดมสมบูรณ์
ทั้งพืชและสัตว์ ทุกอย่างดูราวถูกเตรียมไว้รอต้อนรับ
ใครก็ตามที่สามารถขึ้นมาถึงและตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
     เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เขาได้ขึ้นมาใช้ชีวิตบน
จุดสุดยอดกว่าใครทุกคนแล้ว!
     …
     หนุ่มใหญ่กวาดตามองไปรอบด้าน แล้วค่อยๆ
หรี่หลุบเปลือกตาทั้งสองข้างลงหลับพริ้ม รอยยิ้มระบาย
พรมพรายไปบนใบหน้าที่บ่งบอกว่าผ่านประสบการณ์
มาอย่างโชกโชน
     หนุ่มใหญ่เชิดหน้า ใช้จมูกสูดลากอากาศฉ่ำยาวเข้าไป
จนสุดปอด แล้วลืมตาที่เปี่ยมไปด้วยประกายใสจ้าขึ้นมา
อย่างแช่มชื่น
     เขาใช้ความเข้มแข็ง มุ่งมั่น บากบั่น และใช้ความอดทน
จนถึงขีดสุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะสามารถทานทนได้
รวมทั้งระยะเวลาที่ยาวนานกว่าจะตะเกียกตะกายป่ายปีน
ขึ้นมาถึงยอดเขาลูกนี้
     ยอดเขาที่เขาตั้งใจว่าจะมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่นี่
จนตัวตาย!
     แต่แล้วทันใดนั้นเอง! ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับไปจัดการ
กับข้าวของเพื่อเตรียมตัวสำหรับการตั้งรกรากอยู่บนยอดเขา
แสนสวยสงบงามและเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบแห่งนี้
     หางตาตวัดไปสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งอันเลือนลางต่ำลึกลง
ไปในหุบเขาเบื้องล่าง!
     กลุ่มควัน!
     ลอยขึ้นมาเป็นสายอย่างเลือนลาง ขาวบาง แต่เป็น
กลุ่มควันแน่ๆ
     และมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถสร้างกลุ่มควันแบบนั้น
ให้เกิดขึ้นได้!
     มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ตลอดหนทางที่ผ่านมา
ตั้งแต่ตีนเขาจนถึงยอดเขาแห่งนี้เขาไม่เคยพบปะ
กับมนุษย์คนไหนเลย ไม่แม้แต่จะมองเห็นว่ามีสัญญาณใดๆ
บ่งบอกว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่บนส่วนใดของภูเขาลูกนี้
     แล้วจุดที่เกิดกลุ่มควันหลายสายลอยเอื่อยขึ้นมานั้น
มันก็ไม่ได้อยู่ห่างจากเส้นทางที่เขาใช้เดินขึ้นมาถึงยอดเขา
แห่งนี้เท่าไหร่นัก
     นั่นแสดงว่าเขาเดินผ่านแหล่งที่อยู่ของมนุษย์มาแล้ว
เพียงแต่ไม่ได้สังเกตเห็น!
     หรือกลุ่มควันด้านล่างนั้น เป็นเพียงภาพลวงตา
มากล่อมเกลาบรรยากาศบนยอดเขาอันโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา
เช่นนี้!
     มีทางเดียวเท่านั้นที่จะรู้ได้…
     เขาเก็บข้าวของสัมภาระที่ปลดทิ้งไว้ขึ้นรั้งบ่ามาสะพายไว้
ตามเดิม ก้าวขาสวบๆ ย้อนกลับลงไปตามทางเดิมที่เคย
ใช้ขึ้นมา ตรงไปยังกลุ่มควันที่มองเห็นอยู่ไม่เกิน
5 กิโลเมตรนั้น
     ยิ่งเดินเข้าใกล้ตำแหน่งที่มาของกลุ่มควันสีขาวเบาบาง
นั้นเท่าไหร่ ภาพเบื้องหน้าก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นแก่สายตาแจ่มชัด
มากขึ้นเท่านั้น…
     มันคือหมู่บ้านเล็กๆ ในอ้อมกอดของหุบเขาเขียวชอุ่ม!
     เขายืนตัวแข็งตื่นตะลึงตาเหลือกลานอยู่ตรงปากทาง
ที่จะนำเข้าไปสู่หมู่บ้านเนื่องจากคาดไปไม่ถึงมาก่อนว่าจะมี
หมู่บ้านเล็กๆ เร้นตัวแฝงกายอยู่ที่นี่ ทั้งที่จริงๆ เขาน่าจะ
มองเห็นหมู่บ้านนี้ก่อนขึ้นไปถึงยอดเขาด้วยซ้ำ
เพราะมันใกล้เคียงกับเส้นทางที่เขาใช้ไต่ขึ้นไปก่อนหน้านี้
     สายตาทั้งสองของเขาคงมัวแต่จ้องจับไปยังยอดเขา
อันเป็นที่หมายปลายทางเท่านั้น จึงไม่ทันสังเกตเห็น
หมู่บ้านเล็กๆ ที่ดูน่ารักแสนอบอุ่นแห่งนี้
     บ้านเล็กๆ ที่เรียงรายไม่ห่างกันมากนักเหล่านั้นนับรวมกันแล้ว
ไม่น่าจะเกิน 30 หลัง สร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ บนพื้นที่ราบลุ่ม
อันปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าเขียวสดดูอ่อนนุ่มราวกับพรมกำมะหยี่
ทั่วบริเวณหมู่บ้าน ทางเดินที่ลัดเลาะไปสู่บ้านน่ารักแต่ละหลัง
เหล่านั้นปูทอดไว้ด้วยก้อนหินผิวเรียบ
     กลุ่มควันขาวบางเบาลอยเอื่อยขึ้นมาเป็นหย่อมๆ จากบ้าน
หลายหลัง
     ผู้คนในหมู่บ้านมีทั้งชาย หญิง หลากช่วงอายุหลายวัย
เดินไปเดินมาอย่างคึกคัก
     ทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้พูดคุยทักทายต่อกันด้วยรอยยิ้มกว้าง
อย่างเปิดเผยจริงใจ ดูไปแล้วเหมือนกับว่าไม่มีใครสักคนที่นี่
ที่จะมีร่องรอยของความทุกข์ให้เห็น
     “ดูคุณจะไม่ใช่คนแถวนี้นะ”
     เสียงทุ้มต่ำกังวานดังขึ้นข้างๆ กระชากเขาออกมาจาก
ภวังค์พิศวง หันขวับไปหาต้นเสียง
     ชายชราหนวดเคราหงอกขาวยาวเฟื้อยราวกับซานตาคลอส
ในตำนานยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขาอยู่ก่อนแล้ว
     “ลงมาจากยอดเขาใช่มั้ยล่ะ” ชายชราถามเขามาอีก
     “ช…ใช่…ใช่ครับ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีหมู่บ้าน
ที่ดูอบอุ่นอยู่ตรงนี้” เขาตอบตะกุกตะกักด้วยความไม่เข้าใจ
กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
     “คิดจะไปอยู่บนยอดเขาล่ะสิ” ชายชราถามมายิ้มๆ
     เขาตะลึงไปอีกครั้ง ชายแก่คนนี้เป็นใครและล่วงรู้ไปถึง
วัตุประสงค์ในการดั้นด้นขึ้นมายังยอดเขาลูกนี้ได้อย่างไร!
     “คุณรู้…ได้ยังไง”
     “และคุณก็ปีนเขาขึ้นไปจนถึงยอดโดยไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ
ว่ามีหมู่บ้านของเราอยู่ตรงนี้” ชายชราพูดพลางยิ้มอยู่เช่นนั้น
     เขาทบทวนคำที่ชายชราเคราขาวเพิ่งพูดออกมาอยู่ในใจ
“หมู่บ้านของเรา” ชายชราคนนี้คงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเล็กๆ
อบอุ่นแห่งนี้
     “เอ่อ…ใช่ครับ ว่าแต่คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
     ชายชราผายมือเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้น
     “พวกเราทุกคนที่นี่ เคยเป็นอย่างคุณทั้งนั้นแหละ!”
     เรื่องไม่คาดคิดทั้งหลายมันจู่โจมถาโถมเขาหลายระลอกติดกัน
จนลำคอตีบตันไม่สามารถเปล่งเสียงสำเนียงใดๆ ออกมาได้
ได้แต่เบิกตาตะลึงพรึงเพริดมองสลับไปมาระหว่างหมู่บ้าน
กับชายชราเคราขาวที่ยังคงยิ้มอย่างเป็นมิตร
     “มัน…ยังไง…” เขาเค้นเสียงสากๆ ผ่านลำคอที่แห้งผาก
ออกมาได้แค่นั้น
     “ผมก็เคย…” ชายชราค่อยๆ เล่าสิ่งที่ผ่านมาให้เขาฟังช้าๆ
     “เราทุกคนเคยคิดว่า การได้อยู่บนยอดเขาคงสบาย
ทุกอย่างสมบูรณ์เพียบพร้อมและเราก็จะอยู่บนนั้นอย่างมีความสุข
ตลอดไป เรามุ่งมั่น เราดั้นด้น เพื่อจะขึ้นไปให้ถึงและอาศัย
อยู่บนนั้น”
     ชายชราชี้ขึ้นไปยังตำแหน่งยอดเขาที่เขาเพิ่งเดินผละลงมา
     “เราเคยมองไม่เห็นสิ่งสวยงามอย่างที่คุณเห็นอยู่ตรงหน้า
ตอนนี้” ชายชราผายมือไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ตรงหน้าอีกครั้ง
     “เพราะเรามัวแต่มองยอดเขา”
     เขากระเดือกน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เพราะเขาก็เป็น
อย่างนั้นเหมือนกัน
     “แต่มันจะมีประโยชน์อะไร…” ชายชราเว้นจังหวะนิดหนึ่ง
เขามองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ชายชรายิ้มเป็นมิตร
เช่นเดิมก่อนพูดต่อไป
     “ถ้าเราต้องอยู่บนยอดเขานั้นคนเดียว!”
     ชายหนุ่มฟังแล้วอึ้งไป ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เริ่มปกติขึ้น
เพราะพอจะปรับอารมณ์ความรู้สึกได้แล้ว
     “ถ้างั้น…ทำไมเราไม่ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาด้วยกัน
ให้หมดเลยล่ะ”
     “ไม่ได้หรอก” ชายชราบอก “ทรัพยากรบนนั้นมีจำกัด
ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
หากขึ้นไปอยู่กันทั้งหมดก็จะเกิดการแก่งแย่งแข่งขันกันขึ้น
นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการให้มันเกิดหรอกนะ”
     เขาหรี่ตาเพ่งมองไปยังยอดเขาเบื้องบนที่พยายามดั้นด้น
ขึ้นมาพิชิต สลับไปกับพิจารณาหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นน่ารัก
และรอยยิ้มกว้างของสมาชิกภายในหมู่บ้านตรงหน้า
     “คุณอยู่กับเราที่หมู่บ้านนี้ได้นะ ถ้าคุณต้องการ” ชายชรา
เอ่ยบอกเขา
     เขามองหน้าชายชรา
     “หรือคุณจะขึ้นไปอยู่บนยอดเขาแห่งนั้นก็ได้ ถ้าคุณต้องการ
เราไม่ขัดข้องและไม่ขัดขวางเลย”
     เขาละสายตาจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มของชายชราเพ่งมอง
ไปบนยอดเขาอีกครั้งสลับกับมองเข้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่น่ารัก
     แล้วออกเดิน…

ใส่ความเห็น